หูตึง

หากใครที่มีอาการหูตึง คงเข้าใจความลำบากในการสื่อสารอย่างมาก เพราะการได้ยินจะลดลง อาจเกิดความน่ารำคาญขึ้นได้ ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะไม่เป็นโรคนี้ ดังนั้นบทความนี้เราเลยจะมาทำความรู้จักกับอาการหูตึงกัน ว่าอาการหูตึงคืออะไร สาเหตุมาจากไหน และมีวิธีแก้ปัญหาอาการหูตึงอย่างไรบ้าง มาหาคำตอบนั้นพร้อมๆ กันเลย

ทำความรู้จักกับอาการหูตึง หรือภาวะที่สูญเสียการได้ยินชั่วคราวและถาวร

หูตึง เป็นภาวะที่สูญเสียการได้ยิน เสียงที่ได้ยินอาจเบาลง ฟังเสียงไม่ชัด หรือแยกแยะเสียงพูดและเสียงรบกวนได้ยาก อาการหูตึงอาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ส่งผลต่อการสื่อสาร คุณภาพชีวิต และความสัมพันธ์กับผู้อื่น มาเริ่มกันที่การทำความรู้จักกับอาการหูตึงกันเลย ซึ่งหูตึงหมายถึงอาการที่มีความไม่สะดวกในการได้ยินเสียง จะรู้สึกว่าหูอุด หรือมีความหนักหนาจนรู้สึกไม่สบายในหู อาจมีเสียงหวีดหู หรือเสียงดังที่ไม่เป็นปกติในหู เช่น เสียงรบกวน หรือเสียงน้ำเข้า สาเหตุของหูตึงอาจเกิดจากการสะสมของของคราบหรือน้ำตาลในหู การติดเชื้อ การอักเสบในหู การใช้สารเคมีที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม การใช้เครื่องมือเสียงเป็นเวลานาน หรือการเป็นโรคทางหูคอจมูก นอกจากนี้ หากคุณพบว่ามีอาการหูตึงบ่อย ๆ ควรป้องกันโดยการรักษาความสะอาดของหูให้ดี หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือเสียงอย่างนาน ๆ และหลีกเลี่ยงการแตะหูด้วยมือที่ไม่สะอาด และไม่ฝ่าฝืนใช้หูฟังหรือหูชมภาพยนตร์ในระดับเสียงสูงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายกับหูได้

วิธีการรักษาหูตึงที่แนะนำ ได้แก่ การใช้ผ้าขนหูร้อน ใช้ผ้าขนหูร้อนช่วยปลดคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในพื้นที่หู ใช้ผ้าขนหูที่มีอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส และวางไว้บนหูที่ตึงเป็นเวลา 10-15 นาที ทำซ้ำวิธีนี้ 2-3 ครั้งต่อวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น การนวดหู การนวดหูช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวมและปวด ใช้นิ้วหัวแม่มือหรือนิ้วชี้ในการนวดหู โดยจะเริ่มจากการขยับนิ้วลงมาเบา ๆ ตามแนวเส้นรอบวงหู จากนั้นอาจใช้นิ้วชี้หรือนิ้วหัวแม่มือกดบนจุดที่ตั้งอยู่ต่ำกว่าช่องหูและรักษาระยะเวลาประมาณ 30 วินาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยนิ้วออกจากจุดนั้น และการรับประทานยา หากหูตึงเป็นผลมาจากการติดเชื้อ อาจจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ประสาทสัมผัส หรือแคนดิดาฟิน ซึ่งเป็นยาระงับปวดและลดการอักเสบนั่นเอง